ประเภทของนาฬิกาข้อมือมีอะไรบ้าง ต้องรู้ก่อนช้อป
เชื่อว่าใครต่อหลายใช้นาฬิกาข้อมือหลากหลายจุดประสงค์ บ้างก็ใช้เพื่อบอกเวลา บ้างก็ใช้เพียงเป็นเครื่องประดับ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ใช้เป็นหลัก แต่แท้จริงแล้วประเภทของนาฬิกาข้อมือมีกี่ประเภทกันล่ะ? รวมทั้งรูปแบบนาฬิกาข้อมือมีกี่รูปแบบ บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักนาฬิกาข้อมือแบบรู้ลึกรู้จริง ครบจบในบทความเดียว
นาฬิกาข้อมือแต่ละรูปแบบมักมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์การใช้งานที่เด่นชัด การที่ผู้ใส่จะเลือกนาฬิกาสักเรือนนั้น ปัจจัยในการเลือกหลักคงหนีไม่พ้นดีไซน์ รูปลักษณ์ สไตล์ และราคาที่เอื้อมถึง แม้ว่าจะรูปแบบนาฬิกาจะมีหลากหลาย แต่ประเภทของนาฬิกาข้อมือ ที่เราพบเห็นทั่วไปจะสามารถจำแนกออกมาได้ 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งจะได้แก่
นาฬิกาข้อมือระบบ Analog แม้ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังถือเป็นความคลาสสิกที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยจะมีกลไกลการบอกเวลาด้วยเข็มยาวที่บอกเวลาหน่วยชั่วโมงและเข็มสั้นที่บอกเวลาหน่วยนาที โดยที่บางเรือนอาจมีเข็มวินาทีเพิ่มมาด้วย โดยจะมีตัวเลขในรูปแบบโรมันหรือเลขอารบิกบนหน้าปัดนาฬิกา พร้อมกับการแสดงเวลาแบบ 12 ชั่วโมง
นาฬิกา Analog ใช้งานง่าย แม้ว่าจะไม่มีดีไซน์ที่หวือหวา แต่มักจะมาในรูปแบบเรียบหรู แถมยังตอบโจทย์เรื่องความคลาสสิกที่เหนือกาลเวลา ดูภายนอกเหมือนจะไม่มีกลไกอะไรก็จริง แท้จริงแล้วนาฬิกา Analog ยังมีระบบนาฬิกาย่อย ๆ ซ่อนอยู่ ที่นิยมพบได้ทั่วไปก็คือ ระบบ Manual Winding Watch หรือนาฬิกาไขลาน ระบบ Automatic Watch หรือนาฬิกากลไก
นาฬิกาข้อมือระบบ Digital จะเป็นประเภทของนาฬิกาข้อมือที่มีระบบแตกต่างจากนาฬิการะบบ Analog อย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ความคลาสสิกบนหน้าปัดนาฬิกานั้นจะถูกแปลงโฉม ไม่ว่าจะเป็นเข็มนาฬิกาหรือตัวเลขบนหน้าปัดนั้นถูกปรับโฉมใหม่ โดยหน้าปัดนาฬิการะบบ Digital นั้นจะแสดงทั้งข้อมูลผ่านจอแสดงผลแบบ LCD และ LED ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเวลา วันเดือนปี รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงการตรวจจับกิจกรรมระหว่างวันไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การนอน อัตราการเต้นของหัวใจ
นอกเหนือจากระบบ Digital แล้วยังมีนาฬิการะบบ Quartz เป็นนาฬิกาที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน โดยแบตเตอรี่ในตัวเครื่องจะส่งคลื่นไฟฟ้าผ่านตัวคริสตัลที่ฝังอยู่ในแผงวงจรไฟฟ้า ทำให้แร่ดังกล่าวเกิดการสั่นสะเทือน และวงจรนำพลังงานมาขับเคลื่อนตัวกลไกของนาฬิกา คริสตัลที่อยู่ในนาฬิกาควอตซ์สามารถใช้ได้ทั้งแร่ควอตซ์ธรรมชาติ หรือแร่ควอตซ์สังเคราะห์ บางรุ่นมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมด้วย เช่น การใช้แผงเซลล์สุริยะ (Solar Cell) ชาร์จประจุไฟฟ้า เพื่อนำพลังงานเก็บไว้ใช้กับระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนแบตเตอรี่
นาฬิกา Hybrid คือ การนำนาฬิกา Analog และนาฬิกา Digital มาผนวกรวมกันในเรือนเดียวโดยจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน กล่าวคือ ใช้การทำงานแบบ Smartwatch ทั่วไปที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อาทิ การเชื่อมต่อ Bluetooths ระหว่าง Smartwatch และ Smartphone เพื่อติดตั้งระบบปฏิบัติการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบระบุพิกัดที่อยู่ของผู้สวมใส่ ติดตามข้อมูลกิจกรรมระหว่างวันของผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นการนอน การออกกำลังกายต่างๆ ตามที่เกริ่นไว้ในข้างต้น
บางส่วนของนาฬิากา Hybrid ก็ยังอาศัยการทำงานแบบระบบ Analog โดยมีหน้าปัดที่แสดงผลแบบเข็มสั้น เข็มยาว และตัวเลขเอาไว้ แทนที่จะเป็นจอแสดงผลแบบ Digital ทั้งเรือน ซึ่งบางรุ่นก็ยังมีจอแสดงผลเล็ก ๆ แถมมาด้วย หรือบางรุ่นก็ยังสามารถทำงานร่วมกับ Application บน Smartphone ได้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นประเภทของนาฬิกาข้อมือที่มีระบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
หากคุณไม่ได้มองว่านาฬิกาเป็นเพียงเครื่องประดับที่ใช้บอกเวลา นาฬิกาข้อมือมีหลากหลายประเภทให้เลือก ทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบสนองให้กับผู้สวมใส่ได้ หากใครที่กำลังมองหานาฬิกาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากกว่าการบอกเวลา บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรูปแบบนาฬิกาข้อมือที่น่าสนใจ
ขึ้นชื่อว่านาฬิกา Diving Watch แล้วนั้น การออกแบบที่ถูกสร้างขึ้นก็จะตรงตอบโจทย์เพื่อการดำน้ำ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถดำดิ่งไปสู่ท้องสมุทร แม่น้ำลำคลอง หรือสระว่ายน้ำที่มีความลึกมากกว่า 100-300 เมตร (330-980 ฟุต) เป็นอย่างน้อย อีกทั้งยังสามารถบอกเวลาได้ในที่ที่มืดสนิท นอกจากนั้นยังต้องมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระทบกระเทือนและคลื่นแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ประเภทของนาฬิกาข้อมือที่คุณเลือกสามารถใช้งานได้จริง ด้วยสไตล์ที่ Smart สามารถมอบลุค Formal และ Casual ในเรือนเดียว
นาฬิกา GMT หรือ นาฬิกา Greenwich Mean Time ซึ่งหมายถึงเวลามาตรฐานกรีนิชหรือเวลาสากลเชิงพิกัด ซึ่งประเภทของนาฬิกาข้อมือลักษณะนี้จะใช้เวลามาตรฐานดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของโซนเวลาโดยจำใช้ลองจิจูดที่ 0° ที่ตัดผ่าน Royal Greenwich Observatory ณ กรีนิช กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรเป็นจุดเริ่มต้น ทั้งนี้หากยึดเมืองกรีนิชเป็นจุดเริ่มต้นและมีการเดินทางไปทางขวาหรือฝั่งตะวันออกก็จะเป็น GMT+ ในทางกลับกันหากเดินทางไปทางซ้ายหรือฝั่งตะวันตกก็จะเป็น GMT-
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของนาฬิกา GMT ก็คือการออกแบบเข็มที่ 4 ที่นอกเหนือจากเข็มชั่วโมง นาที และวินาที โดยเข็มที่ถูกติดตั้งเพิ่มขึ้นมานั้น เพื่อทำหน้าที่เป็นเข็มชั่วโมงสำหรับการบอกเวลาที่ 2 ให้กับนาฬิกาเรือนดังกล่าว สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทาง สำหรับการรับทราบเวลาต้นทางหรือ Home Time และเวลาที่ 2 หรือเวลา Local Time นั่นเอง
นาฬิกา Chronograph นับเป็นนาฬิกาประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่คนรักกีฬา เนื่องจากคุณสมบัติของประเภทนาฬิกาข้อมือชนิดนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อจับเวลาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถวัดความเร็วกับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ได้อีกด้วย โดยจะมี 3 ส่วนประกอบหลักๆ นั่นก็คือ
นาฬิกา Pilot Watch เป็นประเภทของนาฬิกาข้อมือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์จริง อีกทั้งยังต้องทนต่อสภาพความกดอากาศ โดยจะต้องมีความทนทานและรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแรง ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเฉพาะตัวที่เอื้ออำนวบความสะดวกให้กับนักบินไม่ว่าจะเป็นการคำนวณปริมาณเชื้อเพลิง ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเครื่องยนต์
ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์คือตัวเลข เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดที่มีขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งเม็ดมะยมที่มีขนาดใหญ่กว่านาฬิกาประเภทอื่นๆ เนื่องด้วยนักบินจำเป็นต้องสวมถุงมือขณะทำการ ซึ่งภายหลังนั้นหน้าปัดมีขนาด 55mm เลยทีเดียว
นาฬิกา Smart Watch หรือนาฬิกาแห่งยุคดิจิตัลอย่างแท้จริง ณ ปัจจุบัน รูปแบบนาฬิกานั้นถูกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สไตล์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิด Smart Watch ขึ้น โดยส่วนมากจะสามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone ได้เพื่อสามารถรับข้อมูลการแจ้งเตือนได้ทันที อีกทั้งยังสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นับจำนวนก้าวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมถึงเก็บข้อมูลกิจกรรมประจำวันต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงการนอน แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคงหนีไม่พ้น Apple Watch, Garmin, และ Suunto